Thursday, September 21, 2017

             อารยธรรม หรือวัฒนธรรมเก่าแก่ของโลกที่ชนชาติเจ้าของหรือต้นกำเนิดวัฒนธรรมยังคงมีประเทศชาติอยู่ถึงปัจจุบันนี้  มีวัฒนธรรมจีนและอินเดียอยู่นานมากว่า ๕,๐๐๐ ปี

             อารยธรรมทั้งสองกระแสนับเป็นกระแสหลักของชนชาติทั้งหลายในทวีปเอเซีย  ซึ่งเป็นทวีปที่มีประชากรรวมกันมากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนประชากรทั้งโลก

             วัฒนธรรมจีนนอกจากทรงอิทธิพลเหนือชีวิตความเป็นอยู่  ความเชื่อ  วิถีชีวิตของชาวจีนแล้วยังแผ่อิทธิพลไปยังชาวญี่ปุ่น  ขาวเกาหลี  ชาวมองโกเลีย  ชาวเวียดนาม และในหมู่บ้านชาวจีนโพ้นทะเล (ฮั่วเคี้ยว/หัวเฉียว) ทั่วโลก  รวมทั้งในหมู่คนไทยเชื้อสายจีนด้วย  แต่คนไทยเชื้อสายจีนในเมืองไทยส่วนใหญ่ไม่ได้ศึกษาประวัติความเป็นมาของวัฒนธรรมความเชื่อของชาวจีนอย่างเจาะลึก  หรือศึกษาจากหนังสือที่เขียนเผยแพร่มาเแต่โบราณ  ที่ได้รับความเชื่อถือยกย่องเป็น "วรรณกรรม" ของชาติจีน

               ครั้นถึงยุคกรุงรัตนโกสินทร์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก  ทรงเห็นว่าหนังสือตำราต่างๆ  ถูกข้าศึกเผาผลาญไปหมดในคราวเสียกรุงศรีอยุธยา  จึงมีพระราโชบายให้ประชุมนักปราชญ์ราชบัณฑิตและผู้รู้ภาษาหนังสือช่วยแต่ง  แปล  เรียบเรียงหนังสือดีมีคุณค่าสูงเป็น "วรรณคดีมรดก" ตกทอดมาถึงลูกหลานไทยทุกวันนี้  มีหลายๆ เรื่อง  หนึ่งในจำนวนนี้คือ "สามก๊ก" ฉบับเจ้าพระยาคลัง(หน)

                เรื่อง "สามก๊ก"  ได้รับการยกย่องจากนักศึกษาวรรณคดีจากทั่วโลกให้เป็น "หนึ่งในสี่สุดยอดวรรณคดีจีน"  อีก ๓ เรื่อง คือ  ๑. ไซอิ๋ว   ๒. ซ้องกั๋ง  และ ๓. ความฝันในหอแดง



                ท่านอาจจะแปลกใจว่า ทำไมท่านไม่เคยทราบว่า  มีวรรณคดีจีนเรื่องอื่นที่ยอดเยี่ยมนอกเหนือจากเรื่อง "สามก๊ก"  ที่นักเรียนไทยจำเป็นต้องอ่าน  เพราะบังคับอยู่ในหนังสือเรียนชั้นมัธยมต้น ที่จริงยอดวรรณคดีอีก ๓ เรื่องนั้น เคยแปล/เรียบเรียง  พิมพ์เผยแพร่ในเมืองไทยมานานแล้ว  ทั้งลงในหนังสือพิมพ์ และรวมเรื่องพิมพ์เป็นเล่มโดยศึกษาภัณฑ์พาณิชย์  องค์การค้าของคุรุสภาในอดีต  แต่แทบไม่มีคนสนใจซื้ออ่าน  ทั้งๆ ที่พิมพ์ขายเมื่อกว่า ๕๐ ปีก่อน  เล่มขนาดพ็อกเก็ตราคาเล่มละ ๑๐ บาท (ปกแข็ง ๑๔ บาท)



                หนังสือชุดนี้เรียกว่า "ชุดพงศาวดารจีน  ความฝันในหอแดง"  ซึ่งในนิยายแปลและพิมพ์ภายหลัง  หนังสือชุดนี้จัดเรียงลำดับตามเรื่องราวความเชื่อของชนชาวจีน  ตั้งแต่ยุคนิยายปรัมปราตำนานเทพเจ้าต่างๆ กำเนิดแคว้นต่างๆ ของชนชาติจีน  จนกระทั่งจักรพรรดิจิ๋นซีทรงปราบปรามและผนวกอีก ๖ แคว้นเข้ามารวมเป็น "อาณาจักรจิ๋น" หรือ "ฉิน" (สำเนียงจีนกลาง) คนไทยเรียกอาณาจักรจีน/ ชาวจีน

                 ถ้าใครได้อ่านหนังสือชุดนี้จะรู้จักตำนาน  ความเชื่อ  วัฒนธรรม (เกร็ด)  พงศาวดารจีนได้อย่างสนุกเพลิดเพลิน  มีผู้รู้หลายท่านที่ศึกษาเรื่องดังกล่าวจนมีผลงานปรากฏแก่สาธารณชน เช่น รศ. ดร. ขวัญดี อัตวาวุฒิชัย   ผศ. ถาวร สิกขโกศล  อาจารย์วิโรจน์ ตั้งวาณิชย์ ฯลฯ  (วิทยากร: ผู้เขียนรู้น้อยกว่าท่านทั้งสามสักร้อยเท่า)

                 ถ้าท่านอ่านหนังสือชุดพงศาวดารจีนแล้ว  เวลาไปเที่ยวเมืองจีนจะทำให้สนุกเพลิดเพลินเพราะเรารู้เขา  เราเข้าใจเขา (อีกทั้งตอบคำถาม ๕-๖ ข้อของผมได้ง่ายดาย)

                 น่าเสียดายที่มีอุปสรรคสำคัญ ๒ เรื่องขัดขวางการศึกษาเรียนรู้เรื่องจีน คือ

๑.  ความตื่นกลัวคอมมิวนิสต์ของรัฐบาลไทย  ในยุค "เผด็จการทหาร"  สั่งห้ามการเรียนการ
     สอนภาษาจีนในโรงเรียนเกินกว่าชั้นประถมศึกษา

๒.  ผู้ (สู่) รู้ของไทยบางคน สร้าง "วาทกรรม" ให้คนไทยรังเกียจที่จะอ่าน (ยอดวรรณกรรมจีน)
     เช่น

     *      ใครอ่าน "สามก๊ก" ๓ จบ(แล้ว) (เป็นคนที่) คบไม่ได้
     **    ใครอ่าน "ไซอิ๋ว"(แล้ว)  จะเป็นคนหยุกหยิกบุคลิกเหมือนลิง(เห้งเจีย)
     ***  ใครอ่าน "ซ้องกั๋ง" (แล้ว)  จะเป็นคนใจคดขบถต่อเจ้า(แผ่นดิน)
     ****ใครอ่าน "ความฝันในหอแดง"(แล้ว) จะ "ใจแตก"(หมกมุ่นกามารมณ์)

ผมยืนยันว่า "วาทกรรม" ทั้ง ๔ กรณีล้วนเหลวไหล  เผอิญผมไม่(โง่)เชื่อตาม  ผมจึง

     *      อ่านเรื่อง "สามก๊ก"  ซ้ำๆ เกิน ๓ จบ จึงพบว่า คนที่อ่าน "สามก๊ก" แค่ ๓ จบ  นั้นอย่าคบ(คือนับถือ) ว่ารู้จริง  เพราะตัวละครในเรื่องนี้  มีนับพันๆ ชื่อ คนอ่านแค่ ๓ จบ  จะจำชื่อได้หมดหรือ

     **    เรื่อง "ไซอิ๋ว"  นั้นลึกซึ้งมาก  ถ้าอ่านต่ำกว่า ๑๐ ครั้ง  จะเข้าไม่ถึงมิติ "ทั้งห้า" ที่ท่านผู้แต่ง (อู๋เฉิงเอิน) ได้ซ่อนไว้ในเรื่อง

     ***  ถ้าท่าน "เหมาเจ๋อตง"  ไม่อ่านเรื่อง "ซ้องกั๋ง"  จนเจนจบละก็ประเทศจีนก็ยังคงเป็น "ยักษ์หลับของโลก" ที่ถูกมหาอำนาจชาติตะวันตกแล่เนื้อเถือหนังตราบบัดนี้กระมัง

     **** คนไทยที่เรียนวรรณคดีในชั้นมัธยมปลายได้อ่านนิยายอิงพุทธ เรื่อง "กามนิต"          (และวาสิฏฐี) อย่างสนุกซาบซึ้งปานใด  ผู้รู้ที่อ่านเรื่อง "ความฝันในหอแดง" ก็จะได้รสและคติธรรมซาบซึ้งคล้ายคลึงกัน คือ พระพุทธธรรมในหัวข้อ "อนิจจัง ทุกขัง" ดังจะเห็นได้ว่า "ตัวเอก" ของทั้ง ๒ เรื่องนี้  ล้วนผิดหวังในความรัก  เพราะ(อนิจจัง) ความไม่เที่ยงแท้ของชีวิตจึงได้รับความทุกข์ใจยิ่งนัก

               ในที่สุด "พระเอก" ในนิยายจีน  ก็ปลงผมห่มเหลืองออกบวชในพุทธศาสนา  ส่วน "กามนิต" ก็แสวงหาพระพุทธองค์ด้วยเชื่อว่า พระธรรม(คำสอน) ของพระองค์จะศักดิ์สิทธิ์  บันดาลให้ตนพ้นทุกข์ตามความเชื่อในลัทธิพราหมณ์  ซึ่งเป็นศาสนาดั้งเดิมของตน  ดังนั้นแม้ "กามนิต" นั่งอยู่ต่อหน้าพระพุทธองค์ตั้งแต่หัวค่ำ  สนทนาธรรมกันจนรุ่งเช้า  แต่ "กามนิต" ก็ไม่บรรลุธรรม  เพราะไม่ปฏิบัติ ไม่รู้จักพระพุทธเจ้า  กลับวิ่งออกไปตลาดจนถูกวัวบ้าขวิดตายอนาถ

                น่าเสียดายที่คนไทยเชื้อสายจีน  ไม่สนใจความรู้เรื่องวัฒนธรรมจีนอย่างเข้าใจความเป็นมาของเรื่องนั้นๆ  เพราะถ้าเข้าใจ / เข้าถึงละก็จะได้รับประโยชน์มากในด้านสติปัญญา  คุณธรรม  จริยธรรม

                ผม (วิทยากร) เป็น "หลานจีน" (ตึ่งหนั่งซุง) ไม่รู้ภาษาจีน   อ่านศึกษาเรื่องจีนจากหนังสือแปลและฟังจากผู้รู้  นำมาประมวลวิเคราะห์แล้วบอกเล่าให้ท่านฟัง  ผมขอเชิญชวนผู้สนใจอ่านศึกษาเรื่องจีนๆ มาเป็น "สมาชิกชมรมผู้อ่านเรื่องจีน"  เอาไหมครับ