Wednesday, September 13, 2017

Conservation for Thai elephants

แนวทางบำรุงรักษ์ เพื่อศักดิ์ศรีของช้างไทย ... 
โดยใช้ปัญญาดำเนินการ


        ช้างไทย  ซึ่งเคยช่วยป้องกัน/ กู้ชาติ  น่าอนาถที่ลูกหลานต้องเร่ร่อนขอทาน

        ศิลาจารึกหลักแรกของพ่อขุนรามคำแหง  "มหาราช"  ตอนหนึ่งทรงเล่าถึงวีรกรรมของช้างทรงไว้ว่า "เมื่อแรกตั้งกรุงสุโขทัยแล้ว..."

        "...ขุนสามชนเจ้าเมืองฉอด  ยกทัพมาตี(สุโขทัย) พ่อกู(ขุนศรีอินทราทิตย์) ออกต่อตี  แต่แตกญะญ่ายพ่ายจะแจ(คือแพ้จนแตกกระจัดกระจาย)..."  ศิลาจารึกกล่าวต่อ  "...กูบ่หนี  กูขี่ช้าง(ชื่อ) เบิกพล เข้าต่อตี(กับ) ขุนสามชน ขี่ช้างชื่อมาสเมือง  กูชนะ... พ่อกูจึงใส่(ขนาน)ชื่อกู(ว่า) รามคำแหง..."

        ตั้งแต่กว่า ๗๕๐ ปีมาแล้ว  ที่ช้างมีเกียรติศักดิ์สูง  ถึงกับได้รับเกียรติขนานนามเป็นพิเศษ  ดุจราชทินนามของขุนนางข้าราชการระดับสูง เช่น  "เบิกพล" - "มาสเมือง"... ฯลฯ

        เมื่อครั้งสมเด็จพระนเรศวร "มหาราช" และสมเด็จพระเอกาทศรถ  ทรงทำสงครามยุทธ "หัตถี" (รบกันตัวต่อตัวบนหลังช้างทรง) ณ ตำบลดอนเจดีย์ เมืองสุพรรณบุรี  กลางเดือนมกราคม ๒๑๓๕  สมเด็จพระนเรศวรทรงช้างคู่พระทัย ชื่อ "เจ้าพระยาไชยานุภาพ"  สมเด็จพระเอกาทศรถ ทรงช้างชื่อ "เจ้าพระยาปราบไตรจักร"

        ช้างทรงของพระนเรศวรกำลังตกมัน  พอเห็นพระมหาอุปราชา(มังรายกะยอชวา) รัชทายาทของพม่าทรงไสช้าง "พลายพัทธกอ" ออกมา(สู้กัน) ช้างเจ้าพระยาไชยานุภาพก็ถลันเข้าใส่(โดยลืมไปว่าตัวเล็กกว่า) จึงถูกช้างพม่าก้มลงงัดช้างไทยรุนถอย  ทำให้พระนเรศวร(บนหลังช้าง) หันข้างให้ จึงเป็นโอกาสของพระมหาอุปราชา ทรงพระแสงง้าวฟันเต็มเหนี่ยวไปที่พระเศียรของพระนเรศวร ซึ่งทรงหมอบแนบชิดคอช้าง  ง้าวจึงฟันถูกหมวก(พระมาลา)ขาดตกจากพระเศียรแทน

        ขณะเดียวกัน  พระนเรศวรก็ใช้พระหัตถ์ตบเตือนพญาช้างทรง  "พ่อเอ๋ย...ชะตาบ้านเมืองฝากไว้กับพ่อแล้วนะ..."  ช้างคู่พระทัยจึงฮึดออกแรงสะบัดหลุด  แล้วก้มลงงัดล่างเต็มแรง  รุนให้พลายพัทธกอเบนข้างให้พระนเรศวรทรงฟันฉับเดียว  พระรัชทายาทแห่งกรุงหงสาวดีก็ขาดสะพายแล่ง ๒ ท่อน  ในเวลาใกล้เคียง  พระเอกาทศรถก็ทรงฟันพระเจ้าแปร  แม่ทัพหน้าของพม่าสิ้นพระชนม์บนคอช้างพลายพัทธเนียง

        ครั้นต้นปี พ.ศ. ๒๓๑๐  กรุงศรีอยุธยาใกล้จะแตก  เพราะ(รัฐบาล)ผู้บริหาร "งี่เง่า" ทำให้คนหนุ่มกลุ่มเล็กๆ รวม ๕๐๐ คน มีพระยาตาก(สิน) อายุ ๓๓ ปี  เป็นผู้นำตีฝ่าวงล้อมของพม่าไปทางบางปะหัน  มุ่งไปยังแม่น้ำบางปะกงตอนบนที่เรียกว่า "ปากโยทะกา" พากันล่องเรือ/ แพออกไปสู่หัวเมืองชายทะเลตะวันออก  คือ  แปดริ้ว  ชลบุรี  ระยอง  ชักชวนไพร่พลคนรักชาติมาร่วมกำลังกันได้ ๑,๕๐๐ คน  แต่จันทบุรี(ในขณะนั้น) เป็นเมืองใหญ่สำคัญที่สุด  มั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ กำลังพลหลายพันคน

        พระยาตาก(สิน) จึงส่งคนไปเจรจาให้ร่วมมือกันกลับไปกู้(ชาติ)กรุงศรีอยุธยา  พระยาจันทบุรีตอบตกลงด้วยดี และขอให้พระยาตาก(สิน)เข้าพักฟื้นกำลังในเมืองได้

         แต่พอกองกำลังพระยาตากยกมาถึงหน้าเมือง  จันทบุรีปิดประตูเมืองแน่นหนา  ด้วยภาวะคับขันเช่นนั้น  ถ้าผู้นำโลเลปล่อยเวลาอีก ๒-๓ วัน  เสบียงหมด  จะอยู่หรือถอยก็แพ้   ด้วย "ภาวะผู้นำ" ที่หาญกล้า  พระยาตากจึงสั่งให้ทหารทุกหมู่  เมื่อกินอาหารมื้อค่ำแล้ว  ให้ทุบทำลายภาชนะถ้วยโถโอชามทั้งหมดและตั้งเป้าหมายเด็ดขาดว่า  ต้องตีเมืองให้แตกแล้วไปกินข้าวมื้อเช้าในเมืองจันทบูร...ให้ได้   พระยาตากก็ขับช้างพังชื่อ  "คีรีบัญชร" (แปลว่า "ช่องเขา")  นำหน้าไพร่พลเข้าชนทำลายประตูเมืองจนพัง  ทหารพระยาตากก็ยึดเมืองจันทบุรีได้

         พระยาจันทบุรีพาพวกหนีลงเรือไปอยู่เมืองเขมร(และยุยงร่วมมือกับกัมพูชา  ให้ก่อกวน บ่อนทำลายเมืองไทยตลอดรัชกาลพระเจ้าตาก(สิน) *** (กรณีเช่นนี้คล้ายๆ เหตุการณ์ในเมืองไทยนับแต่หลัง ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ มาถึงบัดนี้  นักประวัติศาสตร์เรียกว่า "ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย"  การแก้ปัญหาจึงต้องอาศัยผู้กล้าหาญ  เสียสละ  ซื่อสัตย์และร่วมใจกัน)  สำนึกในความกตัญญูรู้คุณ ต่อผู้มีคุณหรือ??

         หามิได้!  คนไทยแท้มีคุณธรรมน้ำใจแน่นอน  แต่เผอิญเราเคราะห์ร้ายที่หลายๆ สิบปีที่ผ่านมา เราไม่มีรัฐบาล  กระทรวง  กรม  หรือหน่วยงานใดให้ความสนใจดูแลช้างไทยอย่างเป็น "องค์รวมหรือบูรณาการ"  เพื่อบำรุงรักษ์เพื่อผดุงศักดิ์ศรีช้างไทยแม้แต่หน่วยงานเดียว จริงๆ!

         ถ้าเมื่อใดปรากฏข่าวเกี่ยวกับช้างไทยออกมา ๙๐%  จะเป็นเรื่อง "เศร้าสลด" เกี่ยวกับชะตากรรมของช้าง  เช่น

          ***  ช้างเร่ร่อน  กินแตงโม ๕ ลูกไม่กี่ชั่วโมงก็ล้ม(ตาย)อนาถ
          ***  ช้างป่าอดหยาก  บุกสวนชาวไร่  ถูกยิงล้ม ๒ ช้าง
          ***  อีกตัวหนึ่ง  ถูกไฟชอร์ตล้ม
          ***  พบซากช้างถูกฆ่าเอางาในป่าสงวน  ฯลฯ

         ล่าสุด!  กรมอุทยานแห่งชาติ  สัตว์ป่าและพันธ์ุพืชเตรียมจะออกกฏหมายมา  อ้างว่า  เพื่อป้องกัน(และปราบปราม) ช้าง หรือคนนำช้างมาเร่ร่อน  ขอทานเศษอาหาร  ฯลฯ  โดยกำหนดมาตรการถึงกับยึด/ อายัดช้างไปเลย

         *** โอ้โฮ... คิดได้ยังไง?!  "เรียกแขก"  ออกมาต่อต้านได้ทั่วประเทศจากทุกองค์การที่เกี่ยวข้องดูแลช้าง!

         เรื่องการบำรุงรักษ์ศักดิ์ศรีช้างไทยไม่ใช่ความเพ้อฝัน  ทำได้ไม่ยาก  และทำได้สำเร็จภายใน ๓ ปี  ดังนี้


๑.  ให้กรมการสัตว์ทหารบก (อยู่ที่นครปฐม) เป็นเจ้าของเรื่องจัดตั้ง "กองทุนบำรุงรักษ์เพื่อศักดิ์ศรีของช้างไทย" ขึ้นโดยมี

๑.๑.  รัฐบาลจัดหาเงินทุนให้ยืมใช้หมุนเวียน  ประมาณ ๕๐๐ ล้านบาท ใช้คืนภายใน ๓ ปี
๑.๒.  เชิญผู้แทนหน่วยงาน  องค์กรมูลนิธิต่างๆ ที่ดูแลอนุรักษ์ช้างไทยเข้าร่วมบริหารกองทุนฯ
๑.๓.  ออกกฏกระทรวงฯ เกณฑ์(กำหนด)ให้ช้างป่าในธรรมชาติทุกตัวในราชอาณาจักรไทยมีสถานะ
        เป็น "กำลังพลสำรอง"  สังกัดกรมการสัตว์ทหารบกไทย
        ๑.๓.๑.  ต่อจากนี้  ช้างไทยในธรรมชาติไม่แต่เพียงเป็น "สัตว์สงวนพันธุ์" เท่านั้น  แต่ยังมี
                   สถานะเป็น "เจ้าหน้าที่ของรัฐ" ด้วย





***  ถึงตรงนี้อาจมีคนคิดตื้นๆ พาลหัวเราะว่าผู้เสนอแนวคิดบ้าเหรอ?  แต่ถ้าอ่านศึกษาประวัติศาสตร์ชาติไทยแล้ว  ย่อมประจักษ์ว่า "ช้างไทย" มีเกียรติประวัติสูงส่งกว่า "หมาฝรั่ง" แน่นอน

        ในเมื่อราชการทหาร/ตำรวจ  ยังซื้อหมาฝรั่งแพงๆ ตัวละกว่าล้านบาทมาบรรจุเป็น "สุนัขตำรวจ/สุนัขสงครามมีชั้นยศและค่าเลี้ยงดูถึงระดับชั้น "สัญญาบัตร" ได้  แล้วคนไทยไม่รู้จักคุณธรรมกตัญญูกตเวทีหรือ?

         ที่จริงช้างไทย  ในยุคนี้เหมือนบุพการีเฒ่าชะแรแก่ชรา  ลำบากยากจนบ้างก็เร่ร่อนขอทานเศษอาหารจากข้างถนน  บ้างก็ขโมยพืชไร่ผลไม้จากชาวไร่ชาวสวน(ที่บุกรุก)ไปปลูกพืชไร่ผลไม้  ติดเขตป่าแหล่งอาศัยของช้างป่ามาแต่ดั้งเดิมชาวไร่ก็ทำร้าย/ฆ่าช้าง

          ๑.๓.๒.  ต่อจากนี้ ผู้ใด(ประกาศ/ชี้แจงให้รู้ทั่วกัน) ทำร้ายให้ "ช้างป่า" บาดเจ็บล้มตาย
                     จะมีอัตราโทษขั้นร้ายแรง  นอกจากอัตราโทษฐานประทุษร้ายต่อ "สัตว์ป่าสงวน                            พันธุ์" แล้ว  ต้องเพิ่มข้อหาประทุษร้ายต่อ "เจ้าหน้าที่ของรัฐ" ด้วย

          ๑.๓.๓.  แต่...เกษตรกร  ชาวไร่ที่ปลูกพืชผล  ผลไม้ต่างๆ ในเขตอาศัยของช้างป่าต่อไปนี้
                   
***  ถ้าช้างป่าลงมาเก็บกินผลิตผลของเขา  "อย่าทำร้ายเด็ดขาด  อย่างมากเพียงแค่รักษาชีวิตคน และทรัพย์สินสำคัญไว้ก็พอ"

        เพราะพืชผล  ทรัพย์สิน ฯลฯ ที่ชาวไร่เกษตรกรเสียหายจากการกระทำของช้างป่า (เจ้าหน้าที่ของรัฐ)  ให้ "กองทุนฯ"  ชดใช้ให้ตามความเป็นจริง  และพืชผลในราคาตลาดให้ครบถ้วนภายใน ๑ เดือน  ถ้าเกินเวลาให้บวกดอกเบี้ย ๗.๕% ต่อปี  และเจ้าหน้าที่การเงิน  ต้องชี้แจงเหตุผลที่สมควรต่อไปชาวไทยคงแอบภาวนาให้ช้างป่ามา(ซื้อ)กินพืชผลเถิด

๒.  กรณีช้างเลี้ยง

กองทุนฯ จะเสนอให้พิจารณาโดยสมัครใจว่า  จะเข้าร่วม "โครงการฯ" กับกองทุนฯ หรือไม่?  โดยกองทุนฯ จะรับ "ช้างบ้าน/ช้างเลี้ยง"  ที่มีการฝึกแสดงต่างๆ เข้าเป็น "กำลังพล" มีชั้นยศและเงินค่าเลี้ยงดู  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ "ความสามารถ" ของช้างและเจ้าของ/ผู้ครอบครองช้าง  จะคิดรายการและฝึกฯ ให้แสดงได้ดี  ประทับใจประชาชนผู้ชมก็จะได้ชั้นยศสูงขึ้น (เจ้าของ/ผู้ครอบครอง) ก็จะได้รับค่าเลี้ยงดู(ช้าง)สูงขึ้น

๒.๑.  ในอีกด้านหนึ่ง "กองทุนฯ จัดทำ "คลิป" การแสดงของช้าง  มีหลากหลายทั้งแสดงเดี่ยวแสดงยุทธหัตถี(จำลอง) แสดงละครหรือละเล่นต่างๆ ฯลฯ เป็นคณะช้าง






ส่ง "คลิป" ให้กระทรวงการต่างประเทศ  กระทรวงกลาโหม  กระทรวงพาณิชย์  กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา  ฯลฯ  นำส่งไปเพื่อขอให้เอกอัครราชทูต  ทูตฝ่ายทหาร  ทูตพาณิชย์  ผู้แทนการท่องเที่ยวแห่งประเทศในเมืองต่างๆ ทั่วโลกได้ชื่นชม  และพิจารณาว่าจะสนใจเชิญ "คณะแสดงช้างไทย" ไปเยือนเมืองหรือประเทศนั้นๆ บ้างไหม?  ถ้าสนใจเชิญก็ติดต่อผ่านมาถึง กรมการสัตว์ทหารบกเจ้าสังกัดพิจารณาร่วมกับ "กองทุนฯ" จัดคณะช้างให้ผลัดเปลี่ยนกันไปแสดง ณ เมือง/ประเทศต่างๆ เป็นช่วงเวลาแห่งละกี่วัน แล้วแต่จะตกลง  ขึ้นอยู่กับ "ค่าตัว คณะช้าง"

อนึ่ง  ต้องคำนึงถึงสวัสดิภาพของช้างเป็นสำคัญ  ไม่ให้ไปทนทรมานต่ออากาศหนาว

๒.๒.  "ค่าตัว คณะแสดงช้าง" เป็นของ "กองทุนฯ"  ซึ่งต้องจัดสรรอย่างเป็นธรรม  แก่ผู้เกี่ยวข้องเป็นวงเงินไม่มากน้อยกว่า ๕๐%  ส่วนอีก ๕๐% เป็นค่าดำเนินการส่วนหนึ่ง  อีกส่วนหนึ่งเป็นค่าเลี้ยงดูช้างป่าและช้างบ้านยามชรา  ปลดประจำการ

๒.๓.  ช้าง/คณะช้าง  ที่มีสมรรถนะ  ประสบการณ์เพิ่มขึ้น  ก็จะได้เลื่อนชั้นยศ  และค่าตอบแทน  แม้ยามชรา ปลดระวาง  ก็มีบำนาญเลี้ยงชีพช้างต่อไป  จนวาระสุดท้ายของช้างเชือกนั้น

๒.๔.  เมื่อใดประเทศไทย  ฟื้นฟูสภาพป่าขึ้นมาเป็นธรรมชาติและปลอดภัย  ค่อยพิจารณาให้ช้างชราได้กลับสู่ธรรมชาติในบั้นปลาย

๒.๕.  ทั้งหมดนี้ไม่ก้าวล่วง "ช้างต้น" ในพระองค์  ช้างของเอกชนที่บำรุงเลี้ยงดี  *** ถ้าเลี้ยงไม่ดีเท่าที่ควร  กรมการสัตว์ทหารบกมีอำนาจแทรกแซงตามกฏหมายเท่าที่ควร

--------------------------------------------------------------------------------------


ป.ล.  แรงบันดาลใจเรื่องนี้  เกิดจากความรู้สึกอิจฉา "หมีแพนด้า"  ที่ได้รับการอุ้มชูเลี้ยงดูจากรัฐบาลจีนดีเหลือเกิน  ทั้งๆ ที่ในพงศาวดารจีนหลายพันปี  "หมีแพนด้า"  ไม่เคยมีบทบาท "กู้ชาติ" แต่อย่างไร แต่...ใครไปเมืองจีนแล้วเผลอทุบตีหมีแพนด้า  ต้องติดตะรางหนักกว่าฆ่าเสือโคร่ง หรือช้างนะครับ